วันอาทิตย์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ซูเราะฮฺอัลอะฮฺซาบสูญหายจริงหรือ?




แนว ทางชีอะฮฺอัรรอฟิเฎาะฮฺคือแนวทางที่ได้ถูกเปิดโปงจนอับอายขายหน้ามาอย่าง หนักเกี่ยวกับความเชื่อในเรื่องที่ว่าอัลกุรอานไม่ครบ ไม่สมบูรณ์ เพราะไม่ว่าพวกเขาจะพยายามปกปิด "ตะกียะฮฺ" อำพรางตัวเองอย่างไรก็ไม่สามารถที่จะตบตาคนที่มีความรู้ได้ เนื่องจากหลักฐานเกี่ยวกับความไม่สมบูรณ์ของอัลกุรอานได้ปรากฏอย่างมากมายใน ตำราชั้นเลิศของพวกเขาทั้งอภิมหาอุลามาอ์ของพวกเขาอย่าง ชัยคฺกุลัยนี ซึ่งชีอะฮฺศรัทธาว่าเป็นตัวแทนขั้นพิเศษของอิมามมะฮฺดีผู้มุดถำเองก็เชื่อ ถือและศรัทธาว่าอัลกุรอานไม่ครบ ผู้ใดสนใจก็ขอให้อ่านถึงคำยืนยันของอุลามาอ์ชีอะฮฺเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ใน

http://anti-rafidah.blogspot.com/2011/02/blog-post_2089.html

อย่าง ไรก็ตามเนื่องด้วยความอับอายจากการถูกเปิดโปงในความเชื่อดังกล่าว จึงทำให้พวกรอฟิเฎาะฮฺพยายามอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อแสวงหาหลักฐานในตำราของ ฝ่ายซุนนีย์ที่ส่อเค้าไปบ้างว่าจะมีความเชื่อในเรื่องความไม่สมบูรณ์ของอัล กุรอานเช่นเดียวกับหลักยึดมั่นอันเร้นลับของพวกตน และหะดีษที่ได้ถูกหยิบยกมาอิงแอบใช้อ้างกันบ่อยก็คือหะดีษที่มีเนื้อหาใจ ความว่า แต่เดิมซูเราะฮฺอัลอะฮฺซาบมีมากถึง 200 อายะฮฺ แต่ทว่าได้สูญหายไปในรัชสมัยของท่านอุษมาน รอฎิฯ จึงเหลือรอดมาเพียงเท่าที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบันนี้ ซึ่งรายงานดังกล่าวนี้คือหลักฐาน "ต้นพระเอก" ที่ฝ่ายรอฟิเฎาะฮฺใช้อ้างว่านี่ไง! หลักฐานของซุนนีที่บอกว่าอัลกุรอานไม่ครบและที่ปรากฏเห็นอ้างกันมาก็มี
1. นายสุไลมาน ผู้รู้ที่ "อ้างต้น" เป็นสายโลหิตท่านนบีได้กล่าวว่าซุนนีเองก็มีสายรายงานที่ส่อเค้าไปว่าอัลกุ รอานไม่ครบจากรายงานในเรื่องนี้นี่เอง (แถมยังมั่วตบท้ายว่าอุลามาอ์ซุนนีอธิบายหะดีษนี้ว่าเป็นเรื่องการนับเลขกุ รอานไม่ตรงกัน!!?)
2. นายอับดุลญะวาด สว่างวรรณ ยกหะดีษต้นนี้มาใช้ในตำราของเขาพร้อมสำทับอย่างลวงโลกว่ามันคือหะดีษ "ซอเฮี๊ยฮฺ" !
3. L'umar แห่งเว็บ Killโฟชีอะฮฺ ลูกหาบสองคนแรกอีกทีก็หยิบยกมาอ้าง
4.อ้ายโหยบ ย่อมใหญ๊ อุลามาอ์รอฟิเฎาะฮฺจอม "มั่วนิ่ม" ตลอดกาลผู้สนับสนุนมุตอะฮฺอย่างสุดแรงเกิดก็อ้างรายงานนี้มาโจมตีซุนนีเช่นกัน

รายงานที่ว่าไปนี้มีตัวบทเต็มๆดังนี้

قال: حدثنا ابن أبي مريم عن ابن لهيعة عن أبي الأسود عن عروة بن الزبير بن عائشة قالت: كانت سورة الأحزاب تقرأ في زمن النبي صلى الله عليه وسلم مائتي آية، فلما كتب عثمان المصاحف لم نقدر منها إلا ما هو الآن
"ในสมัยของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลฯ ซูเราะฮฺอัลอะฮฺซาบที่ได้มีการอ่านกันนั้นมีจำนวนถึง 200 โองการ และพอมาถึงในสมัยที่อุษมานได้รวบรวมอัลกุรอานเป็นมุศฮัฟ(เล่ม) เราหาซูเราะฮฺอัลอะฮฺซาบได้เพียงแค่จำนวนอายะฮฺตามที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน นี้"
 
(หะดีษจาก: หนังสือ ตัฟซีร ดุรมันษูร เล่ม 5 หน้า 180, หนังสือ อัลอิตกอน เล่ม 2 หน้า 25)


วิเคราะห์สายรายงาน:
1.อิบนิอบีมัรยัม
2.อิบนิละฮีอะฮฺ
3.อบีอัลอัสวัด
4.อุรวะฮฺบินซุบัยรฺ
5.ท่านหญิงอาอิชะฮฺ (รอฎิฯ)
หะ ดีษบทนี้อยู่ในสถานะที่ไม่ซอเฮี๊ยฮฺ ไม่ถูกต้อง หรือ "ดออีฟ" นั่นเองเพราะในสายรายงานของมันปรากฏบุคคลที่ชื่อ อิบนิละฮีอะฮฺ อยู่ซึ่งเป็นบุคคลที่ถูกวิจารณ์กันว่า "ดออีฟ"

قال ابن معين: ضعيف لا يحتج به
أحمد بن محمد الحضرمي، سألت ابن معين عن ابن لهيعة، فقال: ليس بقوى. معاوية بن صالح، سمعت يحيى يقول: ابن لهيعة ضعيف
"ท่าน อิบนิมะอีนกล่าวว่า (เขาอิบนิละฮีอะฮฺ) เป็นบุคคลดออีฟ (อ่อน) และไม่ถูกนำมาเป็นหลักฐาน(ในการรายงานหะดีษ) ท่านอะฮฺมัดบินมุฮัมมัด อัลฮัฎรอมีย์กล่าวว่า ฉันได้ถามท่านอิบนิมะอีนเกี่ยวกับอิบนิละฮีอะฮฺ และท่านกล่าวว่า เขาไม่แข็งแรง(ไม่มีนำหนักในการรับหะดีษ) ส่วนมุอาวิยะอฺ บินซอและฮฺกล่าวว่า ฉันได้ยินท่านยะฮฺยากล่าวว่า อิบนิละฮีอะฮฺนั้นดออีฟ(อ่อน)"

หนังสือ : มิซานนุลอิอฺติดาล ของอิมาม ซะฮฺบีย์ หมายเลขที่ 4530


ข้อ เท็จจริงโดยสรุปก็คือหะดีษต้นนี้ดออีฟ ไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานได้ ดังนั้นสิ่งที่อุลามาอ์รอฟิเฎาะฮฺว่าไว้จากรายนามต่างๆดังที่ได้กล่าวมา จึงถือว่าเป็นสิ่งที่มั่วนิ่มและอ่อนหัดมาก ชนิดยกเมฆกันมาแบบไม่อายฟ้าดิน
คำถามสำหรับรอฟิเฎาะฮฺ ทำไมพวกท่านถึงมั่วนิ่มเยี่ยงนี้??!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น