วันจันทร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2554

ทำไมซุนนีจึงโต้วาทีไม่เคยชนะพวกรอฟิเฎาะฮฺสักที?

ผู้ที่ติดตามกระแสความขัดแย้งระหว่างซุนนี-ชีอะฮฺรอฟิเดาะฮ์ มาตลอดระยะเวลาหลายปีในเมืองไทยของเราจะรู้สึกเช่นเดียวกับข้าพเจ้าเสมอว่า ทุกครั้งที่มีการจัดเวทีถกเถียงเชิงวิชาการกับพวกรอฟิเดาะฮฺฝ่ายซุนนีจะต้อง เป็นไม้รองแพ้ทางการอภิปรายของอุลามาอ์ฝ่ายรอฟิเดาะฮฺอยู่เสมอ เพราะเหตุกระไรเล่าที่เป็นเช่นนี้ นักวิชาการฝ่ายซุนนีอ่อนหัดอย่างนั้นหรือ? นักวิชาการฝ่ายซุนนีพูดไม่เก่งอย่างนั้นหรือ? หรือแนวทางซุนนีไม่ใช่สัจธรรมและรอฟิเดาะฮ์คือสัจธรรมอย่างนั้นหรือ? ซุนนีจึงสู้ความจริงจากฝ่ายรอฟิเดาะฮฺไม่ได้?

หามิได้ ความลับที่อยู่เบื้องหลังชัยชนะของการโต้วาทีของฝ่ายชีอะฮฺนั้นคือการโกหก อันเป็นวิทยายุทธ์ขั้นสุดยอดที่แม้แต่การตะกียะฮฺยังต้องจ๋อย!!


รูปภาพ
อัซซัยยิด อบุลกอซิม อัลคูอีย์



 อุลามาอ์มัรญิอฺตักลีดรอฟิเฎาะฮฺ ชั้นอาวุโสนามอุโฆษจากแผ่นดินแห่งสุสานของท่านอิมามอะลีอย่างเมืองนะญัฟ อีกทั้งยังเป็นเจ้าของ สถาบันเผยแพร่ลัทธิรอฟิเฎาะฮฺอย่างดารอะฮฺลุลเบตตลอดจนการเป็นปราชญ์ที่รอฟิ เดาะฮฺทั่วโลกยึดถือได้กล่าวฟัตวาเกี่ยวกับการโกหก(ตอแหล) ไว้ในหนังสือของเขาที่ชื่อ
ศิร็อตุนนะญะฮฺ ในหน้าที่ 447 เล่ม 1”
ซึ่ง คำฟัตวาดังกล่าวนี้ได้ถูกนำมาตอบในเว็บไซต์ของเจ้าตัวในภาคภาษาอาหรับ ทางเราจึงเซฟมาเพื่อให้ดูกันเป็นหลักฐานป้องกันการโกหกของฝ่ายรอฟิเฎาะฮฺ


คำ ถามที่ 6 : การโกหกต่อผู้ที่ทำบิดอะฮฺหรือผู้ที่สนับสนุนในสิ่งที่เป็นความเท็จ ถือว่าอนุญาตให้กระทำได้หรือไม่ ในระหว่างที่เรากำลังถกเถียงอยู่กับเขา?

 


ตอบ : ถ้าเราได้ตอบเขาไปและนั้นสามารถหยุดยั้งความมดเท็จของเขาได้ นั้นก็ถือว่าเป็นสิ่งที่อนุญาตให้กระทำได้


อนึ่ง ฟัตวาดังกล่าวนี้ถือว่าอนุญาตให้ฝ่ายรอฟิเดาะฮฺทำการโกหกเมื่อคราวที่กำลัง ถกเถียง โดยที่อบุลกอซิม อัลคูอีได้ขมวดปมไว้ว่า อนุมัติให้โกหกต่อผู้ที่กระทำบิดอะฮฺเพื่อสยบความมดเท็จของเขา ซึ่งการสรุปความเช่นนี้ย่อมนำไปสู่การอนุมัติให้โกหกต่อฝ่ายซุนนีอย่างแน่ นอน เพราะหากผู้ที่กระทำบิดอะฮฺยังอนุญาติให้โกหกได้แล้วชาวซุนนีที่รอฟิเดาะ ฮฺมองว่าเป็นกาเฟรจะไม่หนักเข้าไปอีกฤา? ดังการฟัตวาของเชคมุฟีด หนึ่งในนักปราชญ์ชีอะฮฺที่ซัยยิดสุไลมานเคยรับรองและยังเป็นหนึ่งในผู้วาง รากฐานให้แก่ศาสนาชีอะฮฺด้วยการแบ่งรูกุ่นอีมานออกเป็น 5 ข้อได้ฟัตวาไว้ว่าชาวซุนนีมิใช่มุสลิมดังนี้

اتفقت الامامية على أن من أنكر إمامة أحد من الائمة وجحد ما أوجبه الله تعالى له من فرض الطاعة فهو كافر ضال مستحق للخلود في النار

"มี มติเป็นเอกฉันท์ในหมู่ผู้รู้อิมามียะฮฺต่อความจริงที่ว่า คนหนึ่งคนใดที่ไม่ศรัทธาต่ออิมามะฮฺแม้เพียงคนเดียวของอิมามและบรรดาผู้ไม่ ศรัทธาในสิ่งที่อัลลอฮฺถือเป็นหน้าที่ที่จะต้องเชื่อฟังพวกเขา(บรรดาอิมาม) บุคคลเช่นนั้นคือผู้ปฏิเสธที่หลง และสมควรพำนักอยู่ในนรกตลอดกาล"

หนังสือ อัลมะซาอิล หน้าที่ 120 ของ ชัยคฺมุฟีด

ชาวซุนนีซึ่งไม่ศรัทธาต่อบรรดาอิมามของชีอะฮฺก็ย่อมเป็นกาเฟรแน่นอน
ดัง นั้นการโกหกต่อชาวซุนนีในระหว่างการถกเถียงวิชาการกับฝ่ายซุนนีย่อมทำได้ อย่างแน่นอน และสิ่งที่เป็นสิ่งมดเท็จในทัศนะของฝ่ายรอฟิเดาะฮฺก็ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ ที่เป็นสัจธรรมในสายตาของฝ่ายซุนนีเช่น ฐานะอันสูงส่งของท่านหญิงอาอิชะฮฺเป็นต้น
จากฟัตวานี้แล้วคงเป็นที่ กระจ่างแก่ท่านทั้งหลายว่าเพราะเหตุใดเวลาที่มีการโต้เถียงจึงมักจะจบลงด้วย ความพ่ายแพ้ของฝ่ายซุนนี นั่นก็เพราะว่าฝ่ายซุนนีตามไล่เกมส์การโกหกของฝ่ายรอฟิเดาะฮฺไม่ทัน
ข้าน้อยขอซุฮกให้กับจอมโกหกผู้ยิ่งใหญ่ เจ้าพวกเหล่าอุลามาอ์รอฟิเดาะฮฺทั้งหลายเอ๋ย!!!!!!!!!!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น